เรื่องของเขาเเต่เรารู้ดี
เรื่องของเขาเเต่เรารู้ดี “ขอบคุณมากนะไว้มีอะไรเดี๋ยวจะโทรมาถามใหม่”
ฉันชื่อเหมย ฉันก็เป็นพนักงานออฟฟิศเงินเดือนธรรมดา ชีวิตฉันก็ไม่ได้มีความสุขอะไรมาก ไม่มีฐานะในครอบครัวที่ร่ำรวยไม่มีคนรอบข้างที่คอยใส่ใจเราในทุกเรื่อง บางสิ่งที่ฉันต้องการฉันก็ไม่ได้มันมา ดูแล้วชีวิตฉันคงจะน่าเศร้าและน่าหดหู่มากแต่สิ่งที่เติมเต็มสีสันให้ชีวิตฉัน ทำให้ฉันมีความสุขทุกวันนี้ได้ก็คือ
การได้รับรู้เรื่องของคนอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพื่อนคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงานหรือใครก็ตามที่เข้ามาในชีวิตฉัน ฉันก็จะให้ความสนใจในชีวิตเขามากๆ ถ้าถามว่าทำไมฉันต้องให้ความสนใจกับเรื่องของคนอื่นขนาดนี้น่ะหรอ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ฉันรู้สึกชอบทุกครั้งที่ได้ฟังเรื่องของคนอื่น
“นี่เหมยจำไอ้จิ๊บได้ไหมที่มันเคยอยู่ห้องเดียวกับเราตอนมปลาย รู้อะไรไหมตอนเนี้ยมันท้องแล้วนะ”
“จริงหรอ ตอนเรียนมันดูเงียบๆนะ ไม่คิดว่ามันจะท้องไวขนาดนี้”
“แล้วยังไม่หมดแค่นี้นะ คือยัยจิ๊บอ่ะมันท้องแล้วมันก็ไม่มีพ่อเว้ย คือแบบน่าสงสารมันเนอะ”
“ว้ายตายแล้ว แล้วมันจะเอายังไงเนี่ยพ่อแม่มันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ตลกอ่ะ ไม่คิดว่านางจะโดนผู้ชายหลอก”
“จริง ตอนฉันรู้ข่าวน ฉันยังตกใจเลย แต่ว่าแค่นี้ก่อนนะเหมยมีงานต้องไปทำ ไว้มีอะไรเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะ”
ชีวิตของฉันก็วนลูปอยู่แค่นี้ ตอนเช้าต้องตื่นไปทำงานพบเจอกับสังคมเพื่อนๆ ตกเย็นมาฉันก็นั่งรถเมล์กลับบ้านคนเดียว พอฉันถึงบ้านฉันก็รู้สึกเหนื่อยแล้วก็เพลียมากจนมันทำให้ฉันอยากจะล้มตัวลงนอน ณ ตอนนั้น แต่ภารกิจใน 1 วันฉันก็ยังไม่สมบูรณ์ถ้าหากฉันไม่ได้รับฟังหรือไม่ได้พูดเรื่องของคนอื่น มันคงเป็นสีสันของชีวิตฉันไปแล้วละมั้ง
“ฮัลโหล เหมยว่างไหมมีเรื่องใหม่จะมาเล่าให้ฟัง”
“ว่างแต่ว่าเพิ่งกลับมาจากทำงาน ตอนนี้รู้สึกเพลียมากเลย”
“งั้นต้องรีบฟังเรื่องนี้เลย ฉันรับรองเลยนะว่าถ้าเธอฟังเรื่องนี้เธอจะต้องรู้สึกตื่นแน่นอน”
“ถ้างั้นก็ว่ามาเลย อย่าเสียเวลา”
“เฟิร์นกับเพชรมันเลิกกันแล้วเว้ย”
“เฮ้ยจริงดิเห็นมันรักกันจะตายเลิกกันแล้วหรอ ทำไมอ่ะ”
“ไม่แน่ใจนะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ได้ยินมาว่าเพชรมันแอบคบกับหมวยที่เป็นเพื่อนสนิทของเฟิร์น เฟิร์นมันจับได้ก็ทะเลาะกันใหญ่เลยเว้ย สุดท้ายมันก็เลิกกันต่างคนต่างไป”
“แล้วเฟิร์นกับหมวยอ่ะมันยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ป่ะ เอาจริงๆมันไม่น่ามาหักหลังกันอย่างนี้เลยอ่ะ ทำตัวน่าเกลียดมาก”
“โอ๊ยมันอยู่ร่วมโลกกันได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว นี่แย่งแฟนเพื่อนเลยนะ เฟิร์นมันคงเสียใจมาก”
“แต่เอาจริงๆเฟิร์นมันก็งี่เง่าอ่ะ ก็สมควรแล้วปะวะที่แฟนมันจะเบื่อ”
“เห็นด้วยนะ เฟิร์นมันดูเอาแต่ใจอ่ะ เอาจริงๆถ้าฉันเป็นไอ้เพชรนะฉันเลิกไปนานแล้วไม่ทนคบมานานขนาดนี้หรอก แต่ก็เสียดายเวลาแทนนะมันคบกันมาตั้งนาน คิดว่าจะได้ไปงานแต่งมันสองคนซะและ”
“ก็ไปงานแต่งเพชรกับหมวยแทนไง เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเวอร์”
“ฮ่าๆๆตลกอ่ะ เหมยแค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวไว้มาคุยด้วยใหม่”
ฉันและเพื่อนของฉันเราทั้งสองคน โทรคุยกันเพียงเพราะเหตุผลเดียวก็คือการพูดเรื่องของชาวบ้าน เราทั้งสองไม่มีเรื่องอื่นที่ให้มาคุยกัน ไม่มีการปรับสารทุกข์สุขดิบ ไม่มีการเล่าเรื่องราวในชีวิตของตัวเองให้กันและกันฟัง เพราะเราต่างรู้นิสัยกันเองและรู้ว่าไม่ควรไว้ใจกัน หากเพื่อนเอาเรื่องคนอื่นมาเล่าให้ฉันฟังได้ขนาดนี้แล้วเพื่อนจะเก็บเรื่องของฉันไว้แค่คนเดียวได้จริงๆหรอ ซึ่งฉันตอบได้ตรงนี้เลยว่าไม่จริงแน่นอน
“เหมยนี่แม่นะลูก เป็นไงบ้างทำงาน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมแม่เลยนะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่คิดถึงแม่แล้วหรอ”
“คิดถึงสิแม่แต่เหมือนไม่ค่อยว่าง เนี่ยกลับมาจากทำงานก็เหนื่อยไม่มีแรงไปทำอะไรแล้ว”
“งั้นก็รีบเก็บตังค์ขยันทำงานเยอะๆจะได้พัฒนากับเขาบ้าง ชีวิตเราจะได้เจริญก้าวหน้ากว่านี้ไงลูก”
แม่โทรมาบอกฉันเหมือนกับว่าเเม่มีความคาดหวังในตัวฉันว่าชีวิตฉันจะต้องพัฒนาไปมากกว่านี้ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ฉุกคิดในเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ฉันแทบไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าชีวิตของฉันจะต้องพัฒนาในด้านไหน แล้วในอนาคตชีวิตของฉันจะเป็นยังไง พอฉันได้ยินแม่พูดแบบนี้มันทำให้ฉันตกใจและแปลกใจตัวเองว่าทำไมฉันถึงคิดไม่ได้ อายุของฉันมันก็มากขึ้นทุกวันเเละเวลาก็เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ แต่ฉันยังย่ำอยู่กับที่โดยไม่คิดที่จะพัฒนาไปไหน
“ฮัลโหลเหมยจำมะนาวได้ป่ะ มะนาวที่ทำตัวแบบมั่นใจตลอดเวลาอ่ะ”
“ฮัลโหลแค่นี้ก่อนนะ วันนี้ยังไม่สะดวกคุยเพราะพรุ่งนี้มีทำงานแต่เช้าเดี๋ยวจะเพลีย”
“แน่ใจหรอว่าจะไม่ฟัง บอกเลยนะว่าถ้าไม่ฟังเธอพลาดมาก”
“ช่างมันเถอะตอนนี้อยากโฟกัสกับชีวิตของตัวเองมากกว่า”
คำพูดนั้นของแม่มันทำให้ฉันคิดได้ว่าฉันควรที่จะหยุดให้ความสนใจกับเรื่องของคนอื่นก่อน เพราะนอกจากที่จะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว มันยังจะทำให้ฉันเสียเวลาในการใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ สิ่งที่ฉันควรจะให้ความสนใจมากที่สุดก็คือชีวิตของตัวเอง ฉันควรค้นหาความสุขให้ตัวเองจากทัศนคติ ความคิด และการเข้าใจโลก
ไม่ใช่การหาความสุขจากการที่ได้ฟังและวิจารณ์เรื่องของคนอื่น ในขณะที่ชีวิตของเพื่อนๆทุกคนเดินหน้าไปเรื่อยๆ ทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะในทางที่ดีหรือในทางที่ไม่ดี แต่มีหนึ่งคนที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยคือตัวฉันเอง เพราะฉันไม่เคยได้เลือกว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร แล้วเปลี่ยนแปลงในทิศทางไหน
ต่อจากนี้ฉันได้สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะให้ความสนใจกับชีวิตของตัวเองมากขึ้น เเละสนใจเรื่องของคนรอบข้างให้น้อยลง เพราะเขาก็มีชีวิตของเขา ส่วนตัวฉันเองก็มีชีวิตของฉัน ทุกคนต่างมีชีวิตที่ต้องใช้มันให้คุ้มค่า แล้วการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าก็ไม่ใช่การฟังหรือวิจารณ์เรื่องราวของคนอื่นอย่างแน่นอน