เอาสิ่งที่ชอบมาเป็นงานมันดีจริงๆหรือ?
เอาสิ่งที่ชอบมาเป็นงาน สิ่งที่เราชอบหรืองานอดิเรกนั้น เป็นเรื่องของ ความชอบส่วนบุคคล เพราะนั่นเป็นสิ่งที่คนๆนั้นรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีที่สุด เป็นสิ่งที่ตัวเองอยากทำมันอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่เราคอยคิดถึงมันอยู่บ่อยครั้งเวลาที่เราไปทำอย่างอื่น และที่สำคัญที่สุด คือมันเป็นสิ่งที่เราทำแล้วเรามีความสุข
บางคนชอบอ่านหนังสือ บางชอบเล่นเกม บ้างชอบดูละคร ภาพยนตร์ ติดตามผลงานของศิลปิน ชอบวาดรูป ร้องเพลง ออกกำลังกาย และอื่นๆอีกมากมาย ในปัจจุบันงานอดิเรกนั้นมีหลากหลายมากตั้งแต่เรื่องเล็กอย่างการสะสมแสตมป์ จนไปถึงเรื่องใหญ่อย่างการชื่นชอบประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ชอบหรืองานอดิเรกอย่างน้อยคนละหนึ่งเรื่องอย่างแน่นอน และการ เอาสิ่งที่ชอบมาเป็นงาน
สมัยที่ผู้เขียนกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเลือกเส้นทางชีวิต อีกนัยหนึ่งคือการเลือกสายการเรียนตอนมัธยมปลาย เวลานั้นผู้เขียนมีความชอบในเรื่องของเกมเป็นอย่างมากจนอยากจะทำงานเกี่ยวกับการสร้างเกม หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด แต่ทุกคนก็คงเข้าใจว่าสายของการเรียนมัธยมปลายนั้นมีไม่มากนัก ซึ่งถูกแบ่งเป็นสี่สายใหญ่ๆคือ สายวิทย์ สายศิลป์ สายที่อยู่ตรงกลางระหว่างวิทย์กับศิลป์ และสายอาชีวะ แน่นอนว่าทุกสายนั้น
ไม่มีอะไรที่ผู้เขียนต้องการเลือกแม้แต่น้อย ใจหนึ่งก็อยากจะเลือกสายตรงเกี่ยวกับเกมทันที หรือเข้ามหาลัยเร็วๆด้วยซ้ำ แต่อย่างว่าเรื่องแบบนั้นคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงเลือกสายวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นสายที่มีความใกล้เคียงที่สุด และก็มีโอกาศให้ผู้เขียนสามารถแก้ตัวได้ในอนาคต ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นเมื่อผู้เขียนเรียนจบมีวุฒิมัธยมศึกษาปีที่หก
ผู้เขียนรู้สึกตัวจริงๆว่า ตัวเองไม่ได้อยากสร้างเกมสนุกๆ กลับกันแค่อยากเล่นเกมที่สนุกๆมากกว่า และเกิดความคิดที่ว่างานอดิเรกก็ควรให้มันเป็นงานอดิเรกต่อไป แยกออกจากอาชีพที่เราจะทำในอนาคตดีกว่า
อันที่จริงแล้วในสังคมนี้มีโอกาสที่เยอะมากๆสำหรับอาชีพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาชีพที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ซึ่งอาจจะสามารถทำเงินเลี้ยงชีพได้อย่างคาดไม่ถึง แล้วแน่นอนว่าต้องมีอาชืพของคนที่รักการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว แม้ผู้เขียนจะชอบเล่นเกมมากขนาดที่อยากจะใช้มันเป็นอาชีพสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา แต่ยังคงกลัวว่าสักวันหนึ่งการเล่นเกมที่ผู้เขียนชอบจะกลายเป็นสิ่งที่เราเกลียดขึ้นมา
ในชีวิตของผู้เขียนเองก็ไม่เคยเห็นใครบ่นว่าได้ทำงานในสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบมาตลอด มีแต่คนเบื่อกับงานที่ทำ จนถึงขั้นที่เกลียดงานอดิเรกของตนเองไปเลย แต่นั่นเป็นประสบการณ์ของผู้เขียนเองมากกว่า
ครั้งหนึ่งผู้เขียนชอบการวิ่งผลัดมาก และบ่อยครั้งที่จะลงแข่งขันตามงานกีฬาอยู่เสมอ ผู้เขียนชอบกีฬานี้เพราะเป็นการแข่งแบบทีม สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือวิ่งในเร็วที่สุด และส่งไม้ต่อ แม้ว่าจะแพ้หรือชนะ มันก็ยังสนุกที่อย่างน้อยเราก็ได้วิ่งด้วยกัน การส่งไม้ต่อแต่ละครั้ง ราวกับว่าได้ส่งต่อความหวังของคนก่อน และเราจะต้องไม่พลาด แต่คำว่าทีมเมื่อมันเป็นการรวมตัวกันของคนไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งต้องทำงานร่วมกันแล้ว แรกๆอาจลำบาก
เพราะต่างคนต่างวางตัวกันไม่ถูกนัก ถึงอย่างนั้นเวลาจะขัดเกลาทีมให้ดีขึ้นเอง ผู้เขียนเริ่มเป็นปัญหาตอนที่คัดตัวลงแข่งกีฬาสีช่วงมัธยมต้น มีคนมาคัดตัวกัน 7 คนได้ และผู้เขียนก็ได้ที่สี่ ได้ลงเป็นตัวจริง อีกสามคนเขาเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แต่ที่เป็นปัญหาคือพวกเขามากันสี่คน และคนที่สีคือคนที่ผู้เขียนพึ่งชนะไป ในช่วงแรกก็มีการซ้อมกันสองสามอาทิตย์ บอกเลยว่าตลอดเวลานั้นผู้เขียนไม่ได้รู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของทีมเลยแม้แต่
น้อย พวกเขาสี่คนก็คุยกันไป เล่นกันไป ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีส่วนสำคัญอะไรเลย และดูท่าว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแข่งครั้งนี้เท่าไหร่ เพราะกีฬาสีช่วงมัธยมถ้าใครไม่เป็นนักกีฬา ต้องไปนั่งเป็นกองเชียร์กันกลางแดดร้อน แต่นักกีฬาเล่นเสร็จคือจบไม่ต้องทำอะไร แน่นอนว่าการแข่งครั้งนั้นคือจบด้วยความพ่ายแพ้ แต่มันไม่ได้สำคัญอะไร เพราะยังไงมันก็เป็นทางผ่านเพื่อไม่ต้องไปเชียร์ นับแต่นั้นผู้เขียนมีความรู้สึกเกลียด
การเล่นกีฬาทุกชนิดที่ต้องเล่นเป็นทีม รวมถึงวิ่งผลัดด้วย นอกจากเรื่องที่ทุกคนในทีมต้องเป็นเพื่อนกันแล้ว ผู้เขียนแค่กลัวจะพลาดแบบไม่น่าให้อภัยเท่านั้นเอง
ยังมีเรื่องอื่นๆที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าการให้สิ่งที่เราชอบเป็นเรื่องที่เราชอบก็พอแล้ว ไม่อยากให้มันกลายเป็นงาน เพราะพูดถึงงานต้องไม่ใช่อะไรก็ได้ มันต้องมีคุณภาพมากพอ และยิ่งเป็นงานที่เราต้องใช้มันในการหาเงินเลี้ยงชืพแล้ว ยิ่งต้องมีคุณภาพและไม่สามารถพลาดได้ เพราะนั่นคือปากท้องของเรา แรงกดดันแบบนี้ทำให้ผู้เขียนไม่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ชอบจนมันทำเป็นอาชืพได้
กลับกันผู้เขียนเห็นคนมากมายที่เอาสิ่งที่ชอบหรืองานอดิเรกมาเป็นอาชีพอยู่ไม่น้อย ทุกครั้งที่เห็นพวกเขาได้มีความสุขในสิ่งที่ชอบมันก็เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนอยากที่จะทำตามอยู่หลายครั้ง แต่ผู้เขียนยังคงเอาชนะความกลัวที่อยู่ในใจไม่ได้อยู่ดี
ไม่ใช่ว่าผู้เขียนจะไม่เคยลองพยายามทำ แต่ผลงานที่ออกมาทุกครั้งมันไม่ได้เรื่อง เหมือนสิ่งที่เราทำเล่นๆ และมันทำเงินไม่ได้จริงๆ ผู้เขียนชอบที่จะเล่นเกมมาก แต่เล่นแบบอยู่คนเดียวเงียบๆ เล่นไปเพื่อความสนุกสนานล้วนๆ ไม่ได้รู้สึกหรือรู้จริงเกี่ยวกับเกมนั้นๆอย่างทะลุหมดเปลือก บางทีงานอดิเรกคงเป็นสิ่งที่ตัวผู้เขียนเองไม่สามารถสร้างงานที่ได้ประโยชน์พอให้คนยอมจ่ายได้
แม้ว่าการทำงานนั้นจะมีแรงกดดันและความเครียดมากแค่ไหน แต่ผู้เขียนมีความเชื่อว่างานอดิเรกของผู้อ่านทุกท่านต้องเป็นสิ่งที่สุดยอดแน่นอน ถ้าวันหนึ่งใครมีความคิดที่อยากจะพัฒนาจากสิ่งที่เราชอบให้กลายเป็นงานที่เราทำได้อย่างสนุกสนาน ไม่เครียดและยังเลี้ยงตัวเองได้ ขอจงอย่าคิด ให้ลงมือทำเลย ผู้เขียนยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะทำ และสักวันงานอดิเรกที่เราทุ่มเทกันมาตลอด สิ่งนั่นจะกลับมาช่วยเราให้พบเจอกับความก้าวหน้าอย่างแน่นอน